// css // javascript

Bangkok Recorder - June, 1845


๏ หนังสือ จดหมาย เหตุ ๚ BANGKOK RECORDER

Vol 1. เล่ม ๑. บังกอก เดือน เจด ปี มเสงสัพศก จุสศักราช ๑๒๐๗. JUNE, 1845. คริศศักาช ๑๘๔๕. ใบ ๑๒ No 12.

This number completes the first volume of the Recorder. It has been decided, during the coming year, to present the paper gratis to all officers of government and all head priests, who may express a desire for it. To all others it will be sold at one sa- lung, or fifteen cents a copy. This change is made with the hope of thereby increasing the circulation and consequently the use- fulness of the paper.

จด หมาย เหตุ ใบ นี้ เปน ใบ ๑๒, ครบ จํานวน ถว้น ปี หนึ่ง แล้ว. แล ตั้ง แต่ นี้ ต่อ ไป ข้าง หน้า พวก หมอ ทั้ง ปวง ได้ ปฤกษา กัน ว่า, ขึ่ง จะ แต่ง จด หมาย เหคุ ต่อ ไป นี้ ถ้า แล ท่าน ที่ เปน ขุน นาง มี ใจ ประสงค์ แล้ว เรา ก็ จะ ให้ ตาม ใจ ประสงค์ ไม่ เอา มู ละ ราคา. แต่ พวก ราษฎร นั้น ถ้า มี ใจ ประสงค์ อยาก ได้ แล้ว, ก็ ให้ มา ซื้อ เอา แต่ มู ละ ราคา นั้น ไม่ เหมือน กับ ราคา ที่ ซื้อ ไป ใน ปี กอ่น นั้น. ใน ปี กอ่น นั้น เอา ราคา ปี ละ บาท, แต่ เดี๋ยว นี้ จะ เอา ราคา ปี ละ สลึง เท่า นั้น, แต่ ทว่า จะ เอา เงิน เมื่อ มา รับ ใบ ที่ หนึ่ง นั้น. ถ้า ไม่ เอา เงิน มา ให้ ใน ใบ ที่ หนึ่ง แล้ว เรา ก็ ไม่ ให้ เลย. เรา ตั้ง ราคา ให้ นอ้ย ถอย ลง อย่าง นี้ ดว้ย เหน ว่า จะ มี คน มา รับ มาก กว่า แต่ กอ่น.

Steamboats in Cincinnati.

จะ ว่า ดว้ย กำปั่น ไฟ ใน เมือง ซินชืนาตี เปน ประเทษ อเมริกา. เมือง ซินซินาตี นั้น อยู่ ที่ แม่ น้ำ แห่ง หนึ่ง ชื่อ โอฮีโอ. ใน ปี เถาะ เดือน ญี่, มี หนังสือ จดหมาย ว่า, พวก พ่อ คัา ใน เมือง นั้น มี กำปั่น ไฟ ถึง ๕๘ ลำ, เปน ใหญ่ บ้าง เลก บ้าง. ราคา หมด ดว้ย กัน ทั้ง ๕๘ ลำ นั้น เปน ราคา คิด เปน เงิน เหรียน ได้ ถึง ๘๘๘๑๔๒ เหรียน, คือ เปน ลำ ละ ๑๕ ๓๑๑ เหรียน, นี่ คิด ราคา ทั้ง ใหญ่ ทั้ง เลก. แต่ กำปั่น ที่ เขา ไช้ ใน แม่ น้ำ นั้น, มัน ออ่น ไซ้ ใน ชเล ไม่ ได้. แล ที่ แม่ น้ำ โอฮีโอ นั้น มี เมือง สาม เมือง ที่ เชา ต่อ กำปั่น ไฟ มาก ทุก ปี, คื เมือง บีศะเบิก ๑, เมือง ซินซินาตี ๑, เมือง ลุยวิล ๑, แล ใน สาม เมือง นี้ เมื่อ ปี ขาน นั้น เขา ต่อ กำปั่น ไฟ ๑๐๘ ลำ ละ ๑๐๘ ลำ นั้น เปน ราดา ๒๐๙๑๕๐๐ เหรียน, คือ เปน ลำ ละ ๑๙๓๖๖ เหรียน.

Colt’s submarine battery.

จะ ว่า ดว้ย เครื่อง ไฟ ฟ้า อย่าง หนึ่ง. ที่ จะ ะ ระเบิด ซึ่ง กําปั่น แห่ง ฆ่า ศึก ทั้ง ปวง ให้ แตก นั้น. ว่า มี่ คน หนึ่ง ซื่อ โกละตะ อยู่ ใน เมือง อ เมริกา ได้ คิด อ่าน กระทํา ซึ่ง เครื่อง นั้น, คือ กาะทำ เปน เครื่อง ใส่ คิน ปืน ให้ มาก ใส่ ไว้ เปน หลาย ที่, แล้ว ก็ เอา ลวด รอ้ย เขา ไป ใน เครื่อง ที่ ใส่ ดิน ปืน ให้ ลวด นั้น ถูก ดิน ปืน ตลอด ต่อ กัน ไป, แล้ว กระทำ มิ ให้ น้ำ เช้า ไป ตาม เส้น ลวต ถูก ดิน ใด้. แล้ว เอา ครื่อง ที่ ใส่ คิน ปืน นั้น วาง จม ลง ไว้ ใน น้ำ, ใน ทาง ที่ กำปั่น จะ มา นั้น, จม ไว้ ให้ ฦก แศ ภอ ให้ พัน ทอ้ง กําปั่น, แล้ว เส้น ลวค นั้น ก็ ขึง ยาว ตลอต ขึ้น มา จน ถึง ฝั่ง. ถ้า แม้น ว่า กำปั่น แล่น เข้า มก ถึง ที่ ๆ เครื่อง ดิน อยู่ แล้ว, คน ที่ อยู่ บน ฝั่ง นั้น ก็ เอา เครื่อง ไฟ ฟ้า ใส้ เข้า ที่ ปลาย ลวด นั้น, กิน ปืน ที่ อยู่ ใน เครื่อง ที่ ทำ นั้น, ก็ จะ ลุก ระเบิด เอา กําปั่น นั้น แตก เปน จุลวิจุล ไป ใน ขณะ นั้น. ครั้น เจ้า เมือง อเมริกา รู้ ซึ่ง เหตุ นั้น, ก็ ปราถนา จะ ลอง ดู ว่า จะ ระเบิด กำปั่น ได้ จวิง หฤา, ๆ ว่า ระเบิด ไม่ ได้. เมื่อ ถึง ปี มโรง เดือน หก, เจ้า เมือง อเมริกา ก็ ซื้อ กำปั่น เก่า ๆ ชำรุด ลำ หนึ่ง, จะ ลอง ระเบิด ดู ให้ เหน เท๊จ จริง. เจ้า เมือง อเมริกา กับ ขุน นาง ก็ พา กัน ไป ที่ แม่ น้ำ แห่ง หนึ่ง ปราถนา จะ ทด ลอง ซึ่ง เครื่อง นั้น แล้ว ก็ จัด แจง ซึ่ง เครื่อง ดั่ง ว่า มา แล้ว. แต่ ทำ ที่ ใส่ คิน ปี นั้น สาม ที่ เท่า นั้น วาง เรียง กัน ไป, แล้ว ก็ รอย ลวด ดั่ง ว่า มา แล้ว, ๆ ก็ ให้ กำปั่น นั้น แล่น มา ตาย ทาง ที่ เอา ดิน ขึ้น ไว้ นั้น, ครั้น กำปั่น แล่น มา เกือบ จะ ถึง ที่ ดิน อยู่ ศัก เส้น ห้า วา, ลูก เรือ แล นาย เรือ ก็ หนี ลง ลอง โบด หนี ไป โดย เรว, ไม่ มี คน บน กำปั่น เลย. กำปั่น นั้น ก็ แล่น ตรง มา ถึง ที่ ดิน อยู่, คน ที่ อยู่ บน ตลิ่ง นั้น ก็ เอา เครื่อง ไฟ ฟ้า ใส่ เข้า ที่ ปลาย ลวค นั้น. ขณะ นั้น ดิน ปืน ที่ อยู่ ใน น้ำ ใต้ ทอ้ง กำปั่น ก็ ลุก ระเบิด เอา กำปั่น นั้น แตก หัก ขาด สะบัน กลาง ออก ไป, กำปั่น นั้น ก็ จม ลง ใน แม่ น้ำ. แล ดิน สาม ที่ ถูก กำปั่น แต่ สอง ที่, ที่ หนึ่ง นั้น ถูก ข้าง กำปั่น, ที่ หนึ่ง นั้น ถูก ทอ้ง กำปั่น, ที่ หนึ่ง นั้น ไม่ ถูก กำปั่น เลย. เจ้า เมือง อเมริกา กับ ขุนนาง ทั้ง ปวง ได้ ทด ลอง ดู ซึ่ง เครื่อง ไฟ ฟ้า ดั่ง ว่า มา นี้, ก็ เหน ว่า จะ ระเบิด กำปั่น แห่ง ฆ่า ศึก ให้ แตก ไห้ เปน แท้.

Electro-magnetic Telegraph.

จะ ว่า ค้รย เครื่อง ส่ง ข่าว, ที่ ทำ ดว้ย เครื่อง ไฟ ฟ้า กับ เครื่อง แม่ เหลก ติด กัน อย่าง หนึ่ง, ทำ เปน ที่ จะ สำแดง ให้ รู้ ข่าว เรว. เหมืยน กับ หน ทาง ไกล ๒๐ โยชน์ ๓๐ โยชน์ ๔๐ โยชน์, เครื่อง นั้น ก็ จะ ให้ รู้ ข่าว เรว รู้ ใน ๒ ที่ ๓ นาที ไต้. ว่า มี คน หนึ่ง ซื้อ ว่า โมระซะ, อยู่ ใน เมือง อเมริกา, ได้ คิด ทำ เครื่อง ส่ง ช่าว ที ว่า มา นี้, คิด มา หลาย ปื. เครื่อง ส่ง ข่าว นั้น คือ เชา คิด ทำ ดั่ง นี้, คือ เอา ลวด เหลก ก็ ดี ลวก ทอง แดง ก็ ดี ทำ ให้ ยาว ทำ เปน สอง สาย, ๆ หนึ่ง จะ ส่ง ข่าว ข้าง โน้น มา, สาย หนึ่ง จะ ส่ง ข่าว ข่าว ข้าง นี้ ไป. สาย หนึ่ง นั้น มี ลวด ทบ กัน เข้า เปน สอง เล้น ๆ เหมือน กัน, ทำ เหมือน กัน ทั้ง สอง สาย, แต่ จะ ว่า แต่ สาย เดียว ก็ เหมือน กับ ว่า ทั้ง สอง สาย เหมือน กัน, แต่ ว่า มัน กลับ หวัว กลับ ท้าย กัน อยู่. สาย หนึ่ง นั้น เขา ทบ ลวก เช้า เปน สอง เส้น ติด กัน, แต่ ปลาย ลวด ข้าง จะ ส่ง ข่าว ไป นั้น ห่าง กัน อยู่ แต่ ภอ จะ กระทำ ให้ กระทบ กัน ได้. แต่ ปลาย ขัาง จะ รับ ช่าว นั้น ลวค มัน ชัด กัน. แล้ว ก็ มี เครื่อง ที จะ เขียน อย่าง หนึ่ง ติด กับ ปลาย ลวต ที่ ชิต กัน นั้น. แล้ว ก็ มี จักร์ อย่าง หนึ่ง เหมื่อน กับ จักร์ แห่ง นารกา, ลำหรับ จะ ได้ ชัก กะดาษ ให้ เดิน เสมอ ไป นั้น. ถ้า เขา จะ ส่ง ข่าว มา ให้ รู้ แล้ว, เขา ก๊ เอา เครื่อง ไฟ ฟ้า กับ เครื่อง แม่ เหลก นั้น กระทํา ให้ ปลาย ลวด ที่ แยก กัน กระทบ กัน เข้า ตาม เรว แล ช้า, แล้ว เครื่อง เขียน ที่ อยู่ ปลาย ลวด ข้าง โน้น ก็ จะ เขียน ใน กระคาษ ที่ เดิน อยู่ นั้น, คาม ที่ เซา จะ กระทำ ให้ กระทบ กัน ตาม สำเหนียก ตัว อักษร นัน. แล คน ที รับ ข่าว นั้น ก็ จะ รู้ ข่าว ตาม ที่ เครื่อง เฃียน จะ เฃียน ลง ใน กระ ดาษ นั้น. อนึ่ง ถ้า คน ที่ รับ ข่าว ถ้า รู้ ข่าว แล้ว, แล จะ ส่ง ข่าว ตอบ มา ข้าง นี้ ก็ เอา เครื่อง ไฟ กับ แม่ เหลก กระทำ เหมือน กัน ใน ลวด สาย หนึ่ง, แล้ว คน ข้าง นี้ ก็ จะ รู้ ข่าว ตาม ที่ เฃียน นั้น. แล ลวด สอง สาย นั้น อยู่ เคียง กัน, แล้ว ก็ กระทำ สิ่ง ที่ กำบัง ปก ปิค สาย ลวด ทั้ง สอง นั้น, มิ ให้ เปน อัน ตราย ดว้ย สิ่ง ใด สิ่ง หนึ่ง, มี ฝน แล แคด เปน กัน, ตลอด ไป ตาม สาย ลวด ใก้ล แล ไกล นั้น. แล เจ้า เมือง อเมริกา รู้ เหตุ นั้น จึ่ง ให้ เงิน แก่ โมระซะ สาม หมื่น เหรี่ยน, ให้ โมระซะ นั้น กระทำ ซึ่ง เครื่อง ส่ง ข่าว นั้น ลอง ดู, ดว้ย เหน ว่า เครื่อง นั้น จะ เปน ประ โยซน์ แก่ เมือง เปน อัน มาก. แล้ว โมระซะ ก็ กระทำ ซึ่ง เครื่อง นั้น ตั้ง แต่ เมือง หลวง ออก ไป แห่ง หนึ่ง ยาว ๔๘๐ เส้น, แล เมื่อ ทำ ยัง ไม่ แล้ว, ๆ แต่ ครึ่ง หนึ่ง ศือ ๒๔๐ เล้น, เขา ก็ ลอง ดู ใน ปี มโรง เดือน ๕ แรม ๓ ค่ำ. เมื่อ ลอง ดู ก็ ทำ ดั่ง นี้, คือ คน ที่ ส่ง ข่าว นั้น อยู่ ปลาย ข้าง หนึ่ง, คน ที่ รับ ข่าว นั้น อยู่ ปลาย ข้าง หนึ่ง. สอง คน นั้น สอบ นารกา ให้ เดิน ถูก กัน, คน ที่ จะ ส่ง ข่าว ไป นั้น อยู่ ใก้ล หน ทาง. ที่ รถ ไฟ เดิน. เมื่อ คน นั้น เหน รถ ไฟ เกือบ จะ มา ถึง ที่ คน อยู่ แล้ว, เขา ก็ ส่ง ข่าว ไป ตาม อย่าง ที่ ว่า มา แล้ว, ว่า รถ ไฟ มา แล้ว. คน ที่ อยู่ ปลาย ข้าง โน้น ก็ รับ ข่าว ใน ขณะ นั้น ข่าว นั้น ไป ถึง กัน เรว นัก. รถ ไฟ ที่ คน ส่ง ช่าว แล เหน ว่า เกือบ จะ มา ถึง ตัว นั้น, รถ นั้น ก็ มา ยัง ไม่ ทัน จะ พ้น ผู้ ส่ง ข่าว ไป, ข่าว นั้น ก็ รู้ ถึง ข้าง โน้น แล้ว ว่า รถ ไฟ มา แล้ว. แล คน เมื่อ จะ ล่ง ข่าว ไป นั้น ก็ กำหนด นารกา ไว้ ว่า โมง นั้น นาที นั้น, แล คน ที่ รับ ข่าว นั้น เมื่อ รับ ก็ กำหนค โมง แล นาที่ เหมือน กัน. ที่ หลัง คน สอง คน ก็ มา รวม กัน, แล้ว ก็ สอบ เวลา ที่ ส่ง ช่าว แล รับ ข่าว ตาม โมง แล นาที ที่ กำหนด ไว้. จึ่ง รู้ ว่า ข่าว นั้น ไป เรว นัก ไม่ ช้า, ครู่ เดียว ถึง.

จะ ว่า ดว้ย เครื่อง ส่ง ข่าว นั้น ต่อ ไป อีก, ว่า เมื่อ ชัาพเจ้า แต่ง เครื่อง ส่ง ข่าว ที่ ว่า มา แล้ว แต่ ข้าง หลัง นี้, เปน ความ ใน หนังสือ ข่าว ใบ หนึ่ง, แล้ว ข้าพเจ้า ก็ ดู ใน หนังสือ ข่าว ใบ หนึ่ง ที่ ดี ภิม ใน เมือง นุ ยอก ตีภิม เมื่อ ปี มโรง เดือน เจด. ข่าว นั้น ว่า เขา ทำ เครื่อง ส่ง ข่าว นั้น, เชา ทำ ตั้ง แต่ เมื่อง วัดชิงทัน ตลอค ไป ถึง เมือง บัลติโมร, เปน ทาง ไกล ศัก ๓ โยชน์ ครึ่ง เขา ทำ แล้ว, ไกล เหมือน ทาง ไป จาก กรุง เทพ นี้ ไป ถึง บังไซ่. แล เพลา วัน หนึ่ง มี คน ผู้ หนึ่ง ใน เมือง บัลติโมระ ถาม ซึ่ง เหตุ การ ใน เมือง วัดซิงทัน, ถาม ดว้ย เครื่อง ส่ง ข่าว นั้น. คน ที่ อยู่ ใน เมือง วัดชิงทัน ก็ บอก ตอบ มา คว้บ เครื่อง ส่ง ข่าว นั้น, ข่าว นั้น รู้ ถึง กัน ทั้ง สอง ข้าง นั้น เรว นัก ไม่ ข้า, ศัก นาที เดียว เท่า นั้น. แล ใน หนังสือ ข่าว นั้น ว่า, ว่า เมื่อ เขา ทำ เครื่อง ลวด ส่ง ข่าว นั้น, เขา เอา เสา ปัก เรียง กัน เปน ระยะ ต่อ ๆ กัน ไป เปน อัน มาก, จน ถึง ที่ จะ ส่ง ข่าว ถึง นัน. เสา นั้น สูง พัน ดิน ประมาณ ๑๔ ศอก, แล้ว ที่ ปลาย เสา นั้น เขา ทำ ซึ่ง แก้ว กลม ๆ ติด ไว้ กับ ปลาย เสา, แล้ว เขา เจาะ ซึ่ง แก้ว นั้น ให้ เปน รู ตลอด, แล้ว เอา ลวด รอ้ย ไป ใน รู แก้ว นั้น ตลอด ต่อ ๆ ไป ทุก เสา ๆ จน ถึง เสา ที่ สุด นั้น. เขา ทำ ดั่ง นี้ ประสงค์ จะ ไม่ ให้ ไฟ ฟ้า นั้น เกิน ลง มา ตาม เสา ได้, จะ ให้ ไฟ ฟ้า นั้น เดิน ไป ดาษ เส้น ลวด นั้น. ดว้ย ธรรมดา ไฟ ฟ้า นั้น มัน รักษ แก่ เหลก แล ทอง แล ไม้, แต่ แก้ว นั้น ไฟ ฟ้า ไม่ รักษ เลย. เหตุ ดั่ง นั้น เขา จึ่ง เอา ลวด รอ้ย ไป ตาม รู แก้ว นั้น, ดว้ย จะ ไม่ ให้ ไฟ ฟ้า ติด ไป ตาม แก้ว, จะ ให้ ไฟ ฟ้า ติด ไป ตาม ลวด นั้น. แล มี ข่าว อีก ข้อ หนึ่ง เขา ตีภิม เมื่อ ปีม โรงเดือน ๙, ว่า เจ้า เมือง อเมริกา ยัง จัด แจง กระทำ ซึ่ง เครื่อง ส่ง ข่าว นั้น อยู่, จะ กระทำ ตั้ง แต่ เมือง บัศะตัน ตลอก ไป ถึง เมือง นุยอก, แล ตลอก ไป ถึง เมือง ฟิละเดลเฟีย, แล ไป ถึง เมือง บัลติกิโมระ. ทาง นั้น ยาว ศัก ๓๕ โยชน์, มาก กว่า ทาง เมือง นี้ ไป กรุง เก่า ศัก ๗ เท่า. แล เครื่อง ส่ง ข่าว นี้ ข้าพเจ็า ก็ เขาใจ ว่า เจ้า เมือง นั้น จะ เปน เจ้า ของ, แต่ จะ เปน อย่าง นั้น จริง หฤา ไม่ จรีง ข้า ยัง ไม่ รู้ แน่. แล ข้าพเจ้า ก็ เหน ว่า เครื่อง ส่ง ข่าว นั้น จะ เปน ประโยชน์ มาก ต่าง ๆ หลาย อย่าง,

Arteries, Veins, Source of animal heat, Alimentation.

ที่ นี่ จะ ว่า ดว้ย ลักษณ์ โลหิด แห่ง มนุษ, ไหล ไป ไหล มา ใน ตัว ต่อ ไป. ใน จต หมาย เหตุ ใบ ที่ เจด นั้น, ว่า ดว้ย คลอง โลหิต แดง ไหล ออก จาก หวัว ใจ, แล โลหิด คำ ไหล เข้า ไป สู่ ล์ หวัว ใจ. จึ่ง มี คำ บุจฉา ถาม ว่า, ซึ่ง โลหิต แดง ไหล ออก จาก หวัว ใจ นั้น, ไหล ดว้ย กำลัง หวัว ใจ เอง หฤา, ๆ ไหล ออก ดว้ย สิ่ง อื่น ๆ. วิสัชนา ว่า, ไหล ดว้ย กำลัง หวัว ใจ รัด เข้า บ้าง, ไหล ดว้ย คลอง โลหิต แดง บิบ รัด เข้า บ้าง พรัอม กับ หวัว ใจ, แล คลอง เทพจร นั้น ไหล เต้น พร้อม กับ หวัว ใจ ที่ ไหล ที่ เต้น นั้น. แล ต้น ขัอ คลอง โลหิต แดง ที่ ติด ต่อ กับ หวัว ใจ นั้น, ใน นั้น เปน กลีบ อยู่ สาม กลีบ, เหมือน กลิบ จำ ปา สำหรับ จะ ได้ ปิด มิ ให้ โลหิต แดง นั้น กลับ เข้า ไป ใน หวัว ใจ ได้. ถ้า แล คลอง โล ทิต แตง รัด เข้า แล้ว, กลีบ จํา ปา นั้น, ก็ ปิด มิด ซิด, โลหิค นั้น ไหล กลับ เข้า ไป ไม่ ได้. แล กลีบ จํา ปา นั้น เปน ที่ เปิด แล ปีด ตาม เทพจร เดิน เรว แล ข้า นั้น, เหมือน กับ เครื่อง สูบ ลม นัน.

ถ้า แล หวัว ใจ ปิด รัด เข้า ให้ โลหิต ออก ดว้ย ลำพัง ตัว ฃอง ตัว เอง บั้น, โลหิต ก็ จะ ไม่ ทราบ ซ่าน ไป ทั่ว ทั้ง กาย ได้. เหตุ ฉนัน คลดง โลหิด นั้น จึ่ง พลอย รัด เข้า ดว้ย พร้อม กับ หวัว ใจ, เปน ไป ดั่ง นี้, คือ จะ ให้ โลหิต นั้น ทราบ ซ่าน ไป ทั่ว ทั้ง กาย ได้. แล คลอง โลหิต แดง นั้น, บาง ที่ ก็ เปน โรค คือ กระทำ อาการ ที่ รัด นั้น ไม่ ก้ลา ไม่ แฃง ไม่ เปน ปรกติ ธรรมดา, รัด เข้า นั้น ออ่น ๆ นัก, โลหิด ก็ เดิน ไม่ แรง, เดิน ไม่ ตลอง ไป ได้. เหมือน กับ คน ที่ แก่ ชรา หนัก นั้น, แล มี่ ตัว อัน เอย๊น ไป ๆ, ก็ เพราะ คลอง โลหิค นั้น มัน รัด ออ่น นัก. บาง ที่ ก็ เปน โงค คือ ให้ เส้น คลอง โลหิค แดง นั้น, บวม พอง ขึ้น ใน ที่ ได ที่ หนึ่ง, แล ทีj บวม ขึ้น นัน, ก็ มี เทพจร เต้น ไหว นัก ปรากฎ ให้ เหน ได้. ถ้า แล ที่ บวม พอง ขึ้น มา นั้น, แตก ออก แล้ว, คน นั้น ก็ จะ ถึง แก่ ความ ตาย เรว นัก เพราะ โลหิค ไหล ไม่ อยุค.

เมื่อ โลหิด แดง ไหล ไป นั้น, ก็ แตก ซ่าน ออก เปน กิ่ง เลก กิ่ง ใหญ่ ทราย ซ่าน ไป ทั่ว ทั้ง กาย, เปน ที่ จะ บำรุง ให้ เนื้อ แลก กะดูก เส้น เอน ทั้ง ปวง, ให้ บริบรรณ์ เปน ปรกติ. ที่ เหลือ จาก ที่ บำรุง เนื้อ แล กะดูก เส้น แล เอน ทั้ง ปวง นั้น, ก็ กลับ ดำ ไป เปน โลหิต ดำ แล้ว, ก็ เปน เส้น เลก ๆ เหมือน เส้น ผม แล้ว ก็ รวม กัน ประชุม เข้า ใน เส้น ใหญ่ แล้ว ก็ ไหล กลับ ไป สู่ หวัว ใจ. เส้น โลหิต ดำ นัน, ก็ ออ่น กว่า เส้น โลติค แดง. มี่ บุจฉา ว่า, เปน เหตุ ไฉน โลหิต ดำ นั้น จึ่ง ไหล ขึ้น ไป สู่ หวัวใจ ได้. จึ่ง วิสัชนา ว่า, คลอง โลหิต ดำ นั้น เปน ที่ ไหล ขึ้น ไป สู่ หวัวใจ เปน ธรรมดา. จะ บีบ รัด หฤา ไม่ บีบ รัด นั้น ก็ ไม่ ปราถฎ. มี บุจฉา ว่า, เปน ไฉน จึ่ง ไม่ ไหล ขึ้น ไป บ้าง, ลง ไป บ้าง. วิสัชนา ว่า, มี พั้ง ผืด เปน กลีบ จำ ปา สำหรับ จะ ปิด กัน โลหิต ไม่ ให้ ลง ไป ได้. กลีบ นั้น มี หลาย แห่ง หลาย ตำบล, มี เปน ลำดับ กัน ขึ้น มา. กลีบ นั้น เปน เหมือน งา แซง, เปน ที่ จะ เบีด ให้ ไหล ขึ้น ไป ได้ กัน เดียว, ไหล กลับ ลง มา ไม่ ได้. ควั้น ไหล กลับ ลง มา กลีบ นั้น ก็ ปิด ชิด เข้า.

โลหิต แดง นั้น แบ่ง เปน สาม ส่วน เข้า คว้ย กัน. เปน น้ำ ส่วน ๑ ที่ อังกฤษ เรียก ว่า ซิรัม, ที่ แขง เปน กอัน เนื้อ ส่วน ๑, อังกฤษ เวียก ว่า กรัษเมนตัม, ที่ เปน เมด เลก ๆ กลม ๆ ส่วน ๑. เมด นั้น เลก นัก ดู ดวัย ตา เปล่า ไม่ ได้ ตอ้ง ดู ดวัย กล้อง จึ่ง เหน ได้. เมด นั้น แล ให้ โลหิด เปน ศี แดง ศี ดำ, ตาม ที่ มี อกซูเชน มาก แล นอ้ย. เมด นั้น เปน เหลก ละเอียด นัก, สำหรับ จะ ได้ รับ อกซูเชน จาก ที่ ลม ทายใจ, คว้บ อกซู เชน ชอบ กับ เหลก, เข้า กัน ง่าย นัก. ถ้า เมื่อ เมด ใน โลหิค นั้น มี อกซู เซน นอ้ย, ศีโลหิก จึ่ง ดำ ไป. เมื่อ มี อกซูเชน มาก, ศี โลหิด ก็ แดง นัก. อกซูเชน นั้น เปน ที่ ประกอบ เขา ใน กาย หลาย สิ่ง หลาย อย่าง นัก, เปน เหตุ ฉนี้, จึ่ง ตอ้ง ให้ โลหิต ไป รับ เอา อกซูเชน จาก ที่ ลม ทายใจ ทุก ที่. มนุษ หายใจ เข้า ออก นั้น, ก็ เพราะ ตัว ปราถนา อก ซูเชน เท่า นั้น. อกซูเชน นั้น, เปน ส่วน ที่ อยู่ ใน ลม. โลหิต ดำ นั้น ขึ้น ไป สู่ หวัว ใจ ดว้ย ปราถนา จะ ไป รับ เอา อกซุเชน นั้น, เช้า ไป ใน หวัวใจ ข้าง ฃวา, แล้ว หวัวใจ รัด เขา ให้ ออก ไป ลู่ ปอด. ใน ปอด นั้น โลหิค คำ ถูก เข้า กับ อกซูเชน ใน ลม หายใจ, อกซูเชน นั้น ก็ เข้า ดว้ย เหลก โลหิด นั้น ให้ แดง มาก ขึ้น. โลหิด เมื่อ แดง ขึ้น แล้ว, ก็ ไหล ไป สู่ หอ้ง หวัว ใจ ข้าง ซ้าย. หอ้ง นั้น จึ่ง รัด เข้า ให้ ออก, ดาม คลอง โลหิต แดง ไป ทั่ว ทั้ง กาย ตาม ว่า มา แล้ว แต่ หลัง, ไป แจก อกซุเชน ที่ เนื้อ หนัง กะดูก เส้น เอน ทั้ง ปวง, ตาม ที่ ตอ้ง การ นั้น.

กาย นั้น เปน ที่ ผลัด เปลี่ยน กัน อยู่ เปน นิจ. อกซูเซน นั้น เปน เหมือน เจ้า พนัก งาน, ให้ ฃอง เก่า ๆ ใน ตัว ที่ ควร จะ ทิ้ง เสีย นั้น, ให้ กลับ เปน เทื่อ ไคล แล มูก คูท เปน ต้น, ไห้ ออก ไป จาก กาย. ถ้า ไม่ มี อกซูเซน เข้า ดว้ย ฃอง เก่า นั้น, จะ ไม่ มี่ เหื่อ ไคล มูก คุท เลย. แล อกซูเชน นั้น เปน ที่ จะ ให้ ตัว อบ อุ่น อยู่ เปน นิจ. ถ้า อกซุเซน นั้น เข้า ดว้ย สิ่ง อื่น ๆ ใน กาย, ก็ ให้ ก่าย นั้น รอ้น, เหมือน กับ อกซูเชน เข้า ดว้ย น้ำ มัน ตาม ตะเกียง นั้น, แล้ว ก็ บังเกิด รอ้น เปน ไฟ ติด อยู่ ใน น้ำ มัน นั้น, ๆ ก็ กลับ เภท ปลิว ไป ตาม ลม ไม่ สูญ ที เดียว, แต่ ไม่ เหน ปรากฎ. เมื่อ อกซูเชน เขา ใน เมด โลหิต เหลก ที่ ปอด นั้น, ก็ ให้ ปอด นั้น อุ่น ๆ. เมื่อ อกซูเชน ทราย ไป เข้า ดว้ย สิ่ง ที่ เก่า ๆ ทั่ว ทั้ง กาย นั้น, ก็ ให้ บังเกิด ตัว อบ อุ่น อยู่ ทัว ทั้ง กาย. แล ที่ รอ้น ที่ อุ่น ทั้ง ปวง ที่ บังเกิต ใน กาย นั้น, ก็ บังเกิด เพราะ อกซูเชน ทัง ลิ้น. เมื่อ โลติด เหลก นั้น ไป แจก อกซูเชน เกือบ จะ หมต แล้ว, ก็ ดำ ไป, แล้ว ก็ กลับ มา ที่ ปอด มา รับ อกซูเซน ไป แจก อีก. อย่าง นี้ แล เปน ธรรมดา เสมอ อยู่ ใน กาย เปน นิจ.

บุจฉา ว่า, ทำ ไฉน จึ่ง ว่า โลหิต นั้น เปน ที่ บำรุง เนื้อ หนัง เส้น เอน แล กะดูก ทั้ง ปวง เล่า, อาหาร ที่ มนุษ กิน นั้น, ไม่ เปน ที่ บำรุง เนื้อ หนัง เส้น เอน แล กะดูก ได้ หฤา. วิสัชนา ว่า, อาหาร นั้น เปน ด้น ก็ จริง. เมื่อ มนุษ กิน อาหาร เขา ไป ใน กะเภาะ อาหาร แล้ว, อาหาร นั้น ก็ ยอ่ย ยับ ไป, เปน ศี ขาว คล้าย ๆ กับ นม. แล้ว ก็ ไหล ออก จาก กะเภาะ นั้น, ไป ตาม ลำ ใส้ ใหญ่ ที่ ต่อ กับ กะเภาะ นั้น. แล ที่ ลำ ใส้ นั้น มี เส้น เลก ๆ มาก นัก, เปน ที่ จะ รับ เอา ซึ่ง รศ ควร ที่ จะ เลี้ยง กาย, ให้ ไหล ไป ตาม เส้น นั้น ๆ, แล้ว ก็ รวม เข้า เปน เส้น ใหญ่ ไหล ขึ้น ไป ที่ อก ข้าง ซ้าย, เข้า ดว้ย เส้น โลหิต ดำ ที่ นั่น, แล้ว ก็ เข้า ไป ตาม โลหิด ดำ นั้น, ไป ถึง ปอด, แล้ว ก็ ออก จาก ปอด เปน โลหิต แดง ไป เลี้ยง กาย. รศ ที่ เหลือ จาก เส้น ที่ รับ นั้น, ก็ เปน มูด เปน คูท ไป.

Femoral artery tied in the groin for a large femor-

al anurism, at the Bangkok Dispensary.

ปี มเสง เดือน ๗ ขึ้น ๒ ค่ำ, ข้าพเจ้า หมอ บรักเล ได้ รักษา เส้น โล หิค แดง พอง เหมือน ที่ ว่า มา แล้ว แต่ หลัง, พอง ขึ้น ที่ ขา แห่ง เจ๊ก คน หนึ่ง, พ่อง โต มี ประมาณ เท่า ลูก มะพรา้ว มูษี, หนัว กลัว นัก, ข้าพเจ้า พิจารณา ดู เหน ว่า เจ๊ก นั้น, ถ้า ทำ ให้ กาย ไหว ไป มา แล้ว. ก็ มี โลหิต กีด ๆ ออก มา จาก แผล นั้น. แล้ว ก็ เหน ว่า เจ๊ก นั้น มี กาย ซีด เข้า ซีด เข้า ทุก ที่, ดว้ย โลหิต ไหล มาก ไม่ อยุด. ข้าพเจ้า เหน ว่า ถ้า ไม่ ผ่า จับ เส้น โลหิต นั้น ผูก เสีย แล้ว, เจ๊ก นั้น ก็ จะ ถิง แก่ ความ ตาย เรว นัก. ครั้น ข้าพเจ้า จะ ผ้า ที่ บวม จะ จับ เส้น โลหิต, ก็ เหน ว่า จะ จับ ไม่ ได, ดว้ย โลหิต ออก มาก นัก จะ กำบัง เส้น โลหิด มี ให้ เหน ได้. ประการ หนึ่ง เส้น ที่ ตรง บวม นั้น ก็ เปื่อยผุ ไป เสีย แล้ว, ถึง จะ ผุก ก็ จะ หา อยู่ ไม่, ข้าพ เจ้า ก็ เหน ว่า จะ ผ่า ลง ที่ ข้าง บน บวม นั้น ขึ้น มา นอ่ย หนึ่ง จึ่ง จะ จับ เส้น โลหิต ได้. แล้ว ข้าพเจ้า ก็ ผ่า ลง ที่ ตรง เศตัน, แล้ว ก็ จับ เส้น โลหิต ผูก เสีย ที่ ตรง นั้น, ดว้ย ปราถนา จะ ไม่ ให้ เลือด นั้น ไหล ลง ไป ได้, จะ ให้ ไหล ไป ทาง เส้น อื่น ๆ. เหมือน กับ ปีด ทำ นบ กั้น แม่ น้ำ, แล จะ ให้ น้ำ นั้น ไหล ไป ทาง อื่น ๆ ไม่ ให้ ไหล ไป ที่ ปิด นั้น. เส้น ที่ เรา ผูก นั้น, โด แทบ จะ เท่า กับ นิ้ว กอ้ย. เมื่อ ผ่า ลง ไป ถึง ก็ จับ เส้น นั้น, มัน เต้น นัก, ดว้ย โลหิต มัน เคิน เส้น นั้น มาก. แต่ ว่า เมื่อ ผ่า ลง ไป นั้น, อย่า ให้ ปลาย มีด ถูก กระทบ เส้น นั้น ถะ ลุ ได้. แล้ว จึ่ง จับ เส้น นั้น, กัน ซึ่ง เส้น อื่น ๆ เลีย, ให้ พ้น. แล้ว เอา ไหม ใส่ ใต้ ทอ้ง เส้น นั้น, รัด เข้า ให้ ตึง, ผูก เข้า ให้ มั่น คง. แล้ว ก็ จับ คู เหน ว่า เส้น ที่ ข้าง บน นั้น มัน เด้น นัก. แต่ ข้าง ล่าง นั้น ไม่ เต้น เลย. เหน ว่า เลือด นั้น มัน ไม่ เกิน ได้. แล แผล ที่ บวม พอง นั้น โลหิต ก็ ไม่ ไหล ฉีด อีก แล้ว. จึ่ง ตัด ซึ่ง ไหม ผูก นั้น เสีย ข้าง หนึ่ง, ข้าง หนึ่ง นั้น มิ ได้ ตัด, ทำ ให้ ยาว. แล้ว จึ่ง ประคอง แผล ที่ ผ่า ลง ไป นั้น ให้ ดี เปน ปรกติ, แล้ว จึ่ง เอา ปลาย ไหม ที่ มิ ได้ ตัด ไว้ ข้าง บอก, แล้ว ก็ เอา เฃม เยบ ซึ่ง แผล นั้น เสีย ให้ ดี, แล้ว ก็ เอา อยา เหนียว ปิด ไว้. แล วัน ที่ ข้าพเจ้า เขียน เหตุ นี้ คือ เดือน ๗ ขื้น ๕ ค่ำ, ข้าพเจ้า ก็ ผูก เส้น เจ๊ก นั้น ลว่ง ไป ได้ ๔ วัน แล้ว, เดี๋ยว นี้ ก็ ดู แผล ที่ ผ่า เจ๊ก นั้น เกือบ จะ หู้ม กัน มิดชิด แล้ว แล้ว ที่ บวม ฟก นั้น, โลหิต ที่ ตก ซัง อยู่, ก็ ยัง กำลัง เน่า อยู่. ภาย หลัง โลหิต ที่ เน่า นั้น, มัน ก็ จะ ไหล ดก ออก มา. แผล นั้น ก็ จะ หาย. แล้ว เส้น ไหม ที่ ผุกนัน, อิกประมาณ ศัก ๑. วัน ก๋ จะ ซัก ออก มา ได้. แล เส้น เบึ้อง ต่ำ ที่ ผูก นัน, ก็ จะ มิด ซิค ไม่ มี รู ที่ โลหิต จะ เดิน ได้. แล้ว เล้น นั้น ก็ กลับ แฃง ไป, แต่ ว่า ไม่ เปน โรค. แล โลหิค ที่ จะ ไป บำรุง ขา นั้น, ก็ จะ เดิน ลง ไป ตาม เส้น เลก ต่าง ๆ. แล เส้น เลก ๆ นั้น จะ โต ขึ้น ๆ ภอ จะ ภอ โลหิต ที่ ควร จะ ไหล ไป ที่ ขา นั้น.